บีแลนด์ ผุดมิกซ์ยูสระดับโลก เชื่อมต่อขยายสีชมพู
”บีแลนด์” ซุ่มออกแบบผุดโปรเจ็กต์มิกซ์ยูสโรงแรม- ศูนย์การค้า-คอนโด เมืองทองธานี 600 ไร่ คาดแล้วเสร็จปีนี้ นำร่องทำเลริมทะเลสาบ400ไร่ อัพเกรดรอบอิมแพ็ค ดึงกิจการร่วมค่าลงทุน ดันธุรกิจอสังหาฯรอบขยายสายสีชมพูโต 20%
อาณาจักรเมืองทองธานีกว่า 4,000 ไร่ เริ่มคึกคักรับการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย สายสีชมพู แม้จะเป็นช่วงระยะทางสั้นๆ เพียง 3 กิโลเมตร แต่ประเมินว่าจะช่วยสร้างมูลค่าได้อย่างมหาศาล เนื่องจาก เป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีคนอยู่ในพื้นที่กว่า 3 แสนคน อีกทั้งยังมีกิจกรรมต่างๆ เกิดขึ้นเป็นประจำรวมทั้งโครงการพัฒนาเชิงพาณิชย์ มีที่ดินรอการพัฒนาหลายแปลง ผลักดันราคาที่ดินให้ขยับสูงรวมทั้งยังอำนวยความสะดวก การเดินทางเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าเส้นทางอื่น 4 สาย ขณะที่ดินแปลงใหญ่ของบริษัทบางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BLAND มีที่ดินรอการพัฒนา 600 ไร่ แยกเป็นทำเลบริเวณริมทะเลสาบ 400 ไร่ ซึ่งเป็นทำเลไฮไลท์ อยู่ติดสถานีปลายทางรถไฟฟ้า วางแผนพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ระดับโลกมูลค่าไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยโรงแรม ศูนย์การค้า คอนโดมิเนียม และอนาคตจะกลายเป็นแลนด์มาร์คใหม่ ที่น่าจับตา
นายปีเตอร์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BLAND เปิดเผยว่า สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานี วงเงินลงทุน จำนวน 4,000 ล้านบาท จะดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยาย จำนวน 2 สถานี ได้แก่ สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี (ชาเลนเจอร์อาคาร 1) และ สถานีทะเลสาบ เมืองทองธานี ซึ่งจะเร่งรัดเปิดให้บริการได้ในปี 2567 นั้น เบื้องต้นบริษัทอยู่ระหว่างการออกแบบพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส (Mixed Use) บนที่ดินเปล่าในเมืองทองธานี จำนวน 600 ไร่ โดยแบ่งการดำเนินโครงการเป็นระยะ ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้า,โรงแรม,คอนโดมิเนียม ฯลฯ ซึ่งจะนำร่องการใช้พื้นที่บริเวณทะเลสาบเมืองทองธานี จำนวน 400 ไร่ หลังจากนั้นจะเริ่มทยอยดำเนินการพัฒนาบริเวณโดยรอบอิมแพ็คเมืองทองธานี จนครบทั้ง 600 ไร่ นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างหากลุ่มกิจการร่วมค้า (joint venture) เข้ามาร่วมลงทุนในโครงการฯด้วย คาดว่าจะเริ่มออกแบบแล้วเสร็จภายในปีนี้
”ส่วนจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างและใช้งบประมาณลงทุนได้เมื่อไรนั้น คงต้องขอพิจารณาดูรายละเอียดก่อน เนื่องจากช่วงนี้ติดปัญหาสภาพเศรษฐกิจที่มีเงินเฟ้อและดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่แน่นอน”
นายปีเตอร์ กล่าวต่อว่า ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทเพิ่งออกโครงการโมริ คอนโดมิเนียม จำนวน 1,060 ยูนิต ราคาเริ่มอยู่ที่ 8.49 แสนบาทต่อห้อง ซึ่งเป็นสไตล์โมเดิร์นมินิมอลญี่ปุ่น ปัจจุบันมีการขายแล้ว 35% คาดว่าภายในปีนี้จะสามารถปิดการขายได้ภายในปี 2565 หลังจากนั้นจะเริ่มการโอนขายได้ภายในปี 2566 คิดเป็นมูลค่า 1,800 ล้านบาท
ขณะเดียวกันโครงการอสังหาริมทรัพย์โดยรอบเมืองทองธานี ส่วนใหญ่เป็นอสัง หาริมทรัพย์แบบเช่า เช่น อิมแพ็ค,โรงแรม,ห้างสรรพสินค้า,สำนักงานที่ปล่อยเช่า ซึ่งบริษัทจะมีรายได้จากค่าเช่าราว 3,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ปัจจุบันทราบว่าราคาที่ดินบริเวณถนนแจ้งวัฒนะ ประมาณ 300,000 บาทต่อตารางวา ส่วนราคาที่ดินโดยรอบเมืองทองธานีในช่วงที่รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีชมพูยังไม่ได้เปิดให้บริการ อยู่ที่ 100,000 บาทต่อตารางวา คาดว่าในอนาคตราคาที่ดินจะปรับตัวสูงขึ้น
”หากมีการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีชมพู จะทำให้ธุรกิจต่างๆในเมืองทองธานี เช่น ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค, โรงแรม,คอสโมบาซาร์,คอสโมวอล์ค,เอาท์เล็ทสแควร์, บีไฮฟไลฟ์สไตลม์อลล์ และคอสโมออฟฟิศพาร์ค มีการเติบโตมากขึ้นราว 10-20% ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพและเพิ่มมูลค่าที่ดินเปล่าในเมืองทองธานีที่มีอยู่อีก 600 ไร่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก จะทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยและผู้ที่ทำงานอยู่ในเมืองทองธานีกว่า 300,000 คน เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1 ล้านคน”
นายปีเตอร์ กล่าวต่อว่า บริษัทมีแปลงที่ดินขนาดใหญ่ราว 600 ไร่ ซึ่งเป็นทำเลที่ดินติดรถไฟฟ้าที่ไม่ได้หาได้ง่าย เพราะที่ดินส่วนใหญ่ติดรถไฟฟ้าเพื่อก่อสร้างคอนโดมิเนียมราว 2-3 แปลง เท่านั้น แต่บริษัทสามารถนำที่ดินดังกล่าวไปพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส (Mixed Use) ขนาดใหญ่ได้ ซึ่งจะช่วยเติมเต็มศักยภาพพื้นที่ในเมืองทองธานีทั้งหมด 4,000 ไร่
นอกจากนี้บริษัทได้ลงทุนการก่อสร้างทางเดินเลื่อนไฟฟ้า (Skywalk) จำนวน 2 สถานี ประกอบด้วย 1. สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี (ชาเลนเจอร์อาคาร 1) 2.สถานีทะเลสาบ เมืองทองธานี ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุน 1,000 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วมีความคืบหน้าราว 90% คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2567 พร้อมกับโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีชมพู ซึ่งจะเป็นการเชื่อมต่อจากโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีชมพูไปยังศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค, โรงแรม, ร้านค้าปลีก และห้างสรรพสินค้าต่างๆ เพื่อรองรับการเติบโตและมอบความ สะดวกสบายให้แก่ผู้ที่มาใช้บริการอย่างสูงสุด รวมทั้ง ยังเป็นการต่อยอดและเพิ่มศักยภาพของการเป็นทำเลทองสาหรับโครงการ ใหม่ต่างๆ ที่ได้เปิด ตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ อาทิ โมริ คอนโด มิเนียม โครงการที่พักอาศัย จำนวน 1,040 ยูนิต และโรงเรียนสอนประกอบ อาหารเลอโนท (LentreCulinaryArtsSchool) ที่เป็นโรงเรียนสอนศิลปะการทำอาหารที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริหาร บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด กล่าวว่า การลงนามในครั้งนี้ระหว่าง NBM และ BLAND เป็นการลงนามในสัญญา 2 ฉบับ แบ่งเป็น 1. สัญญาให้การสนับสนุนการก่อสร้าง (Construction Support Agreement) โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานี 2. สัญญาก่อสร้างทางเชื่อม (Skywalk Connection Agreement) จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้ามายังตัวอาคารของเมืองทองธานีโดยภายใต้สัญญาดังกล่าว ทาง BLAND ได้อนุมัติเงินสมทบและค่าสิทธิให้กับ NBM ประมาณ 1,293.75 ล้านบาท (รวมภาษี มูลค่าเพิ่ม) เพื่อสนับสนุนการก่อสร้าง และพัฒนาส่วนต่อขยายเมืองทองธานี และเพื่อสิทธิของ BLAND หรือบริษัทในเครือของ BLAND ในการก่อสร้างทางเชื่อมสถานี เพื่อเชื่อมต่ออาคารหรือสิ่งก่อสร้างใดๆ อันเป็นกรรมสิทธิ์ของกลุ่ม BLAND ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเมืองทองธานี เข้ากับสถานีรถไฟฟ้าในส่วนต่อขยายเมืองทองธานี นับแต่วันที่ทำสัญญา จนถึงวันที่สิทธิในการดำเนินงานระบบรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเมืองทองธานี ตามสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูระหว่าง NBM และ รฟม.สิ้นสุดลง และยังได้อนุมัติเงินสมทบเพื่อสนับสนุนการบำรุงรักษาจำนวน 10.35 ล้านบาทต่อปี (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) นับจากวันที่ส่วนต่อขยายเมืองทองธานีเปิดให้บริการ
สำหรับสายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานี ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการในธุรกิจ MOVE ที่บีทีเอส กรุ๊ปฯ ให้ความสำคัญ เพราะเรามุ่งหวังจะเป็นผู้ให้บริการเดินทางแบบ door-to-door เพื่อตอบโจทย์การเดินทาง ตั้งแต่ก้าวแรกถึงก้าวสุดท้ายให้กับผู้โดยสารอย่างสมบูรณ์ ภายใต้การให้บริการที่สะดวกและปลอดภัย โดยโครงการดังกล่าว จะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูเส้นทางหลัก ช่วงแคราย-มีนบุรี ซึ่งสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าได้อีก 4 สายได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ), รถไฟชานเมืองสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ-รังสิต), รถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) และรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี)
”สายสีชมพูส่วนต่อขยายเข้าเมืองทองธานี ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการในธุรกิจ MOVE ที่บีทีเอส กรุ๊ปฯ ให้ความสำคัญ”
Reference: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ