EVER ขยายพอร์ต รุกแนวราบเต็มสูบ รองรับดีมานด์โต
EVER เปิดแผนปี 2567 เดินหน้าขยายพอร์ตอสังหา แนวราบต่อเนื่อง ฟาก “สวิจักร์ โลจายะ” ชี้เป็นตลาดเรียลดีมานด์ เตรียมเปิดใหม่ 2-3 โครงการ มูลค่า 2,000 ล้านบาท ในครึ่งแรกปี 2567 แย้มอยู่ระหว่างศึกษาบ้านเดี่ยว Luxury Home หวังเพิ่มสัดส่วนแนวราบเป็น 50% ใน 1-2 ปีข้างหน้า จาก 40%
นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ EVER ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คอนโดมิเนียมภายใต้ แบรนด์ “เดอะโพลิแทน” ทำเลย่านสนามบินน้ำ, โครงการแนวราบ- บ้านเดี่ยว แบรนด์ “มายโฮม” ทำเลย่าน สุวินทวงศ์ และโครงการแนวราบ-ทาวน์โฮม แบรนด์ “เอเวอร์ซิตี้” กล่าวว่า ในปี 2567 บริษัทยังให้ความสำคัญในการขยายโครงการแนวราบต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเติบโตของกลุ่มตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีการเลือกซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ประกอบกับการตอบรับที่ดีจากการเปิดขายโครงการแนวราบบ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์โฮม ยอดขายยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยจะเห็นการเปิดขายโครงการใหม่จำนวน 1-2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ “เอวาริส-ราชพฤกษ์ตัดใหม่” จำนวน 128 ยูนิต ซึ่งเป็นบ้านแฝดและบ้านเดี่ยว มูลค่า 630 ล้านบาท คาดจะเห็นในปลายไตรมาส 1 นี้ รวมทั้งการเปิดขายเฟสต่อเนื่อง บ้านเดี่ยวแบรนด์ “มายโฮม” โครงการซิลเวอร์เลค วินด์ เฟส 3 จำนวน 31 ยูนิต มูลค่าโครงการ ประมาณ 1,300 ล้านบาท ซึ่งมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5.99-15 ล้านบาทต่อแปลง ในช่วงปลายไตรมาส 2 นี้ ซึ่งจะเป็น โครงการที่มีความหรูหรา ความสวยงาม นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษาการพัฒนา โครงการบ้านระดับพรีเมียม “Luxury Home” เพื่อเพิ่มยอดขายในอนาคต
“จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา เราพบว่าคนเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาซื้อบ้านมากกว่าคอนโดมิเนียม เพราะต้องการพื้นที่อยู่อาศัยมากขึ้น และจากข้อมูลบทวิจัยต่างๆ ก็พบว่าภาพรวมตลาดบ้านเดี่ยวขยายตัวสูง โครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ของบริษัทได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จึงเชื่อว่าการพัฒนาโครงการ แนวราบต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มฐานรายได้ และยังเป็นการบาลานซ์พอร์ตอสังหาในอนาคตอีกด้วย” นายสวิจักร์ กล่าว
สำหรับในปี 2567 ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากยอดขายโครงการต่างๆ เข้ามาสนับสนุน ทั้งแนวราบและแนวสูง ขณะที่มียอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 600 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ถึงปี 2568 นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าภายใน 1-2 ปีข้างหน้า จะเพิ่มสัดส่วนโครงการอสังหาแนวราบเป็น 50 50 จากปัจจุบันอยู่ในสัดส่วน 40 60
ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น