โนเบิล รุกหนักปี 64 ผุด 11 โครงการ มูลค่า 4.5 หมื่นลบ.

25 Dec 2020 467 0

           นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ NOBLE ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลชั้นนำของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเปิดเผยว่า ในปี 2564 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงของการเติบโตและการลงทุนในก้าวที่สำคัญของบริษัทฯ ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรระดับ ชั้นแนวหน้าที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ โดยบริษัทฯ ได้วางแผนธุรกิจการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ในปี 2564 จำนวน 11 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 45,100 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในประวัติการณ์รอบ 30 ปี ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ มาในปี 2534 และตั้งเป้าหมายรายได้รวมในปี 2564 จำนวน 11,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 10% จากเป้าหมายรายได้รวมในปีนี้ จำนวน 10,000 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขายจำนวน 16,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 146% จากปีนี้ที่ตั้งเป้าหมายไว้จำนวน 6,500 ล้านบาท

          นายธงชัย กล่าวว่า สำหรับแผนการพัฒนาโครงการในปี 2564 จะแบ่งเป็นโครงการที่พัฒนาโดยบริษัทฯ จำนวน 5 โครงการ โครงการที่ร่วมทุนกับบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัท ในกลุ่มบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) จำนวน 5 โครงการ และโครงการที่ร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์ จำนวน 1 โครงการ โดยในครึ่งปีแรก 2564 จะประเดิมเปิดโครงการทั้ง คอนโดมิเนียมแนวสูงและแนวราบ จำนวน 4 ก่อน ส่วนโครงการ อื่นๆ อีก 7 โครงการทั้งคอนโดมิเนียม บ้านแฝด และทาวน์โฮม จะทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง 2564 ตามนโยบายการรุกขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

          ”บริษัทฯ ได้มีการลงนามสัญญาทางธุรกิจกับบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์จำกัด (มหาชน) โดยจะมีสัดส่วนการถือหุ้นโครงการละ 50% ต่อ 50% เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโด มิเนียมแนวสูงและแนวราบ บ้านแฝด และทาวน์โฮม บนทำเลถนนสุขสวัสดิ์ ถนนราษฎร์บูรณะ ถนนคูคต และถนนพระราม 9 รวมจำนวน 4 โครงการ มีมูลค่าโครงการกว่า 23,000 ล้านบาท หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการร่วมทุนพัฒนาโครงการแรกบนทำเลถนนรัชดา-ลาดพร้าว มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดขายมากกว่า 50% ทำให้ในปี 2564 ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ที่จะสร้างความแตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะด้วยความพร้อมหลังการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้ง 3 รายของบริษัทฯ จึงจะเห็นศักยภาพ และความเป็นมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละอุตสาหกรรมทั้งโดยตรงและที่มีความเกี่ยวข้องกัน จึงเป็นการผนึกกำลังพันธมิตรที่ลงตัวในการบริหารธุรกิจ เพื่อสอดรับกับนโยบายการก้าวสู่ท็อป 5 ของผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยภายในอีก 3 ปีข้างหน้า” นายธงชัย กล่าว

          นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมีแผนขยายและต่อยอดฐานลูกค้า ของ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงโดยปัจจุบันฐานลูกค้า แบ่งเป็นลูกค้าในประเทศ 60% และต่างประเทศ 40% แม้ที่ ผ่านมาลูกค้าอาจชะลอการซื้อ ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์ โควิด-19 แต่ยังครองส่วนแบ่งยอดขายในตลาดรวมของกลุ่มลูกค้า ต่างชาติ ได้ถึง 37% จากยอดขายรวมทั้งหมดในอุตสาหกรรมคอนโดมิเนียมเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในช่วง 9 เดือนของ ปี 2563 ที่ผ่านมาด้านความแข็งแกร่งทางฐานะทางการเงินนั้น ในปี 2564 บริษัทฯ ได้ตั้งงบลงทุนเพื่อการพัฒนาโครงการต่างๆ ไว้แล้วกว่า 9,000 ล้านบาท

Reference:

Click icon to remove from or add to favorite list
Click to choose and click "Compare" button