บิ๊กอสังหาฯ โควิดฉุดกำไรหด
โควิด-19 กระทบอุตสาหกรรมอสังหาฯ ครึ่งปีแรก 2563 หลายบริษัทแม้อัดแคมเปญกระตุ้นยอดขายและโอนฯ ช่วงไตรมาส 2 โกยรายได้เพิ่ม แต่พบกำไรเทียบปีก่อนลดลง ขณะอนันดา-เพอร์เฟค น่าห่วงต้นทุนหน่วงพลิกขาดทุน ด้านเอสซี-เอพี ท็อปฟอร์มยังทำกำไรเพิ่มสวนวิกฤติ
ไตรมาส 2 ช่วงเวลาท้าทายของธุรกิจไทย หลังเผชิญมาตรการล็อกดาวน์จากสถานการณ์ COVID-19 ทั้งระบบ ขณะอสังหาริมทรัพย์กลุ่มที่อยู่อาศัย การขายฟุบลดลงกว่า 50% จากลูกค้านิ่งงดเดินทาง ก่อนผู้ประกอบการพลิกสู้สู่โหมดออนไลน์ และอัดแคมเปญแข่งขันระบายสต๊อกล็อตใหญ่นั้น อีกภาพเกิดการผ่อนปรนให้ลูกค้าบางกลุ่มชะลอการโอนกรรมสิทธิ์ออกไปเป็นปีหน้า โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ส่งผลรายได้หลายบริษัทช่วง 6 เดือนแรกของปี ไม่เป็นไปตามคาด ท่ามกลางเป้าหมายใหญ่ คือ การบริหารจัดการควบ คุมต้นทุน และเพิ่มกระแสเงินสดในมือ ซึ่งแลกมาด้วยกำไร-ขาดทุนต่างวาระ อย่างไรก็ตาม ทุกบริษัทยังคงมั่นใจการประคับประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นช่วงปีนี้ไปได้ โดยเฉพาะความต้องการดาวเด่นในกลุ่มแนบราบผ่านแผนเปิดโครงการใหม่พรึ่บ
บริษัทที่มีโครงการ ซึ่งอยู่ระหว่างการขายสูงอย่างบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด ในกลุ่ม พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) พบครึ่งปีแรก 2563 ทำรายได้รวม 13,308 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,339 ล้านบาท ยอดขาย 9,576 ล้านบาท โดยรายได้สัดส่วนเกือบ 70% มาจากสต๊อกพร้อมอยู่นั้น นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม เผยว่า เป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้ และตัวเลขอยู่ในเกณฑ์ที่พอใจ อย่างไรก็ตาม แม้โควิด-19 สถานการณ์ดีขึ้น แต่ทิศทางอสังหาฯ ยังต้องเฝ้าจับตา จึงยังจะเน้น การควบคุมค่าใช้จ่าย เร่งขาย เร่งโอน พร้อมแผนบุกตลาดแนวราบ จับกลุ่มเรียลดีมานด์ ด้วยโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่ารวม 8,780 ล้านบาท
ด้าน บมจ.เอพี ไทยแลนด์ ท่ามกลางสภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้น พบยังมีการเติบโตทางรายได้ โดยม.ค-มิ.ย มีรายได้รวมมากกว่า 1.99 หมื่นล้านบาท กำไรเปรียบเทียบปีก่อนหน้าเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งบริษัทแจ้งว่า มาจากกระแสตอบรับในกลุ่มสินค้าแนวราบ ซึ่งยังขายและโอนฯ ได้ดี โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 แม้ไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่เริ่มเปิดโอนฯก็ตาม โดยครึ่งปีหลังมั่นใจตลาดแนวราบยังมีโอกาสเติบโต เตรียมเปิดใหม่รวม 13 โครงการ
อีกราย ซึ่งมีรายได้เติบโตจากกลุ่มแนวราบ บมจ. เอสซี แอสเสทฯ หลังมีตัวเลขครึ่งปีเพิ่มขึ้นทั้งในแง่รายได้และกำไร ทำสถิติยอดขายรายไตรมาสสูงสุดในไตรมาส 2 ที่ 6,220 ล้านบาท ขณะมั่นใจลงทุนต่อ เตรียมเปิดใหม่บ้านทุกราคา 7 โครงการ มูลค่า 7.8 พันล้านบาท
เช่นเดียวกับ บมจ.แสนสิริ ซึ่งสร้างยอดโอนฯ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตลอดช่วงไตรมาสแรกและไตรมาส 2 จากการกระหน่ำโปรโมชัน ออกแคมเปญกระตุ้นลูกค้า ทั้งยังโดดเด่นในแง่ยอดขายรวม ณ ปัจจุบันด้วยตัวเลข 2.5 หมื่นล้านบาท แตะใกล้เป้าหมายรวมทั้งปี 2563 พบ 6 เดือนมีรายได้รวมอยู่ที่ 1.79 หมื่นล้านบาท โตจากปีก่อนถึง 64% แต่สวนทางกำไรที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ กลับลดลง ทั้งนี้ นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ ระบุ เพราะแผนเผชิญหน้าในช่วงที่เหลือของปี คือ Cash is King ผ่านสภาพคล่องสูง และกระแสเงินสดที่มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจมากกว่า
ขณะรายใหญ่ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค แจ้งตลาด หลักทรัพย์ ช่วงไตรมาส 2 บริษัทมีรายได้การขายที่ลดลง 28.4% รวมรายได้ครึ่งปีอยู่ที่ 5,165 ล้านบาท เช่นเดียวกับช่องกำไร ขาดทุน ที่เทียบครึ่งปี ผลดำเนินการลดลงไปมาก ทั้งนี้ คาดมาจากวิกฤติโควิด กระทบต่อผู้ซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งสถาบันการเงินยังคุ้มเข้มในการปล่อยสินเชื่อ และค่าใช้จ่ายทางการเงินที่เผยว่า ยังเพิ่มขึ้น แม้ก่อนหน้าชะลอเปิด 9 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1.8 หมื่นล้านบาทเพราะต้องการรักษากระแสเงินสดจากการลงทุนใหม่ก็ตาม
ส่วนบมจ.อนันดา เป็นอีกบริษัทที่พลิกกลับมาขาดทุน เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยมีรายได้อยู่ที่ 3,179 ล้านบาท คาดมาจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติชะลอการโอนฯ ทั้งนี้ ยังมั่นใจเศรษฐกิจประเทศไทยพลิกฟื้นพร้อมเติบโตได้ เช่นเดียวกับภาค อสังหาฯ และคอนโดฯติดรถไฟฟ้า เตรียมแข่งขันในตลาดหลังยุคไวรัสโควิด-19 พร้อมพันธมิตรต่างชาติ
“แม้โควิด-19 สถานการณ์ดีขึ้นแต่ทิศทางอสังหาฯ ยังต้องเฝ้าจับตาจึงเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายเร่งขาย เร่งโอน”
Reference: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ