CHEWA ยอดโอนแน่น978ล. เร่งเครื่องดันผลงานฟื้นตัว
นายธนิศร นิติสาโรภาส รองกรรมการผู้จัดการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท ชีวาทัย จำกัด (มหาชน) หรือ CHEWA เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2566 บริษัทมีผลขาดทุน 37.68 ล้านบาท และมีรายได้ที่ 761.99 ล้านบาท สำหรับผลขาดทุนไตรมาส 2/2566 เป็นเพราะต้นทุนทางการเงิน บริษัทบันทึกต้นทุนค่าใช้จ่ายทางบัญชี หลังก่อสร้างคอนโดมิเนียมแล้วเสร็จ ซึ่งหลังจากก่อสร้างต้องถูกบันทึกค่าใช้จ่ายทันที ดังนั้นจึงมีค่าใช้จ่ายงานก่อสร้างโครงการเข้ามาในไตรมาส 2/2566
ส่วนรายรับ หรือรายได้ในไตรมาส 2/2566 บริษัททำใกล้เคียงไตรมาส 1/2566 หรือเกือบ 770-780 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดี
จับตาครึ่งหลัง
ขณะที่ทิศทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลัง 2566 อยู่ที่นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ปัจจุบันเชื่อว่ายังไม่มีความชัดเจนจากการจัดตั้งรัฐบาล แต่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดผลลบคือเรื่องดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น และเรื่องความเชื่อมั่นเรื่องคอนโด โดยคอนโดที่บริษัทพัฒนาโครงการและก่อสร้างขึ้นมาไม่ได้มีลักษณะเช่นเดียวกับที่เป็นข่าวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ฉะนั้นความเชื่อมั่นลูกค้าที่จะเข้ามาซื้อ หรือจองไม่น่าจะมีปัญหา และบริษัทดูจากตัวเลข Backlog ยอดรอโอน คาดจะทำให้แนวโน้มตัวเลขครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก
ทั้งนี้ในไตรมาส 3/2566 คาดยอดโอนกรรมสิทธิ์จะดีกว่าไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ปัจจุบันบริษัทมียอดรอโอนกรรมสิทธิ์ หรือ Backlog เกือบๆ 1 พันล้านบาท หรือประมาณ 978.50 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวสูง หรือคอนโดมิเนียม 75% หรือคิดเป็นมูลค่า 735 ล้านบาท โครงการแนวราบหรือบ้านเดี่ยว 23% หรือ คิดเป็นมูลค่า 220 ล้านบาท ส่วนที่เหลือคือโครงการ บ้านมือสอง คิดเป็นมูลค่า 20 กว่าล้านบาท
อวดแบ็กล็อกอื้อ
อีกทั้งบริษัทเริ่มก่อสร้างโครงการบ้านแนวราบ 1 โครงการ มูลค่า 700 ล้านบาท ปัจจุบันเดินหน้า ก่อสร้างไปแล้วประมาณ 30% ของโครงการทั้งหมด คาดจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 4/2566 เป็นต้นไป ปัจจุบันมียอดขายจากโครงการดังกล่าวเล็กน้อย เมื่อรวมกับยอด Backlog ที่มีอยู่ก็จะประมาณ 1 พันล้านบาทต้นๆ
ประกอบกับบริษัทมีโครงการพัฒนาอยู่ทั้งสิ้น 27 โปรเจ็กต์ คิดเป็นมูลค่ารวม 2.68 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการอยู่ระหว่างพร้อมขาย 13 โครงการ มูลค่า 1.61 หมื่นล้านบาท โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 1 โครงการ มูลค่า 687 ล้านบาท โครงการที่ปิดการขายแล้ว 10 โครงการ 9.5 พันล้านบาท และโครงการ JV 3 โครงการ มูลค่า 533 ล้านบาท
จากยอดรอโอนกรรมสิทธิ์ หรือ Backlog และตัวเลขรายได้ครึ่งปีแรก 2566 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้ไว้ที่ 2.4 พันล้านบาท เพราะบริษัทจะรับรู้รายได้ Backlog เข้ามาช่วงที่เหลือปีนี้ทั้งหมด อีกทั้งบริษัทจะเร่งขายโครงการเพื่อผลักดันรายได้ให้เป็นไปตามเป้า
นายธนิศร กล่าวต่อว่า บริษัทจัดตั้งบริษทร่วมทุนกับพาร์ตเนอร์ เพื่อจะร่วมมือทางธุรกิจ เพื่อพัฒนาและดำเนินธุรกิจโรงงานให้เช่าในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ เพราะบริษัทมีพื้นที่อยู่ในนิคมดังกล่าวอยู่แล้ว สำหรับแผนธุรกิจดังกล่าวคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) อนุมัติการลงทุนเรียบร้อย คาดจะดำเนินการได้ไตรมาส 3 เป็นต้นไป
Reference: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น