THANA ดีมานด์บ้านล้นผุดโครงการใหม่2.2พันล.
THANA ส่งสัญญาณธุรกิจอสังหาปีกระต่ายดีมานด์ล้น ปักหมุดเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่า 2.3 พันล้านบาท พร้อมทุ่มเงินพันล้านบาทซื้อที่ดินเพิ่ม ตุนสินค้าพร้อมขาย 700 ล้านบาท ลุยจับกลุ่มลูกค้าพรีเมียม อวดยอดรอโอนแน่น 400 กว่าล้านบาท
นายสุทธิรักษ์ เสถียรภาพอยุทธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THANA เปิดเผยว่า มองดีมานด์ที่อยู่อาศัยปี 2566 มีอยู่มาก เพราะทิศทางเศรษฐกิจในประเทศค่อยๆ ฟื้นตัว ประกอบกับการท่องเที่ยวในประเทศคึกคัก ทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคสะพัดมากขึ้น แต่ปัจจัยกดดันการขายอสังหาริมทรัพย์คือดอกเบี้ย เพราะต้นปีภาครัฐประกาศขึ้นดอกเบี้ยอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค
ผุดโครงการใหม่
ขณะที่การขยายธุรกิจ บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่อีก 3 โครงการ มูลค่า 2.2 พันล้านบาท โดย 2 โครงการแรก บริษัทได้ทำเลที่ตั้งแล้วในย่านปิ่นเกล้า หรือติดถนนบรมราชชนนี รวมถึงการขยายโครงการโซนบางบ่อ บางนา ส่วนอีกหนึ่งโครงการอยู่ระหว่างหาทำเลพัฒนาโครงการ
ในปี 2566 บริษัทวางงบลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการหาพื้นที่ และเตรียมพัฒนาโครงการใหม่ ปัจจุบันบริษัทยังมีสินค้าพร้อมขาย (Inventory) รวมอีกกว่า 700 ล้านบาท จากโครงการทั้งหมดมูลค่า 3 พันล้านบาท ที่จะสามารถส่งมอบทันที
ทั้งนี้บริษัทจะจับกลุ่มลูกค้า B+ ขึ้นไป หรือบ้านเดี่ยวที่มูลค่าเกิน 10 ล้านบาท เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้มีกำลังซื้อสูง อย่างไรก็ตามจากการเปิดโครงการใหม่เพิ่มเติม จะทำให้บริษัทมีรายได้ปี 2566 เติบโตต่อจากปี 2565 ที่ 20%
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ หรือ Backlog รอโอนกรรมสิทธิ์ราว 400 ล้านบาท คาดจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในไตรมาส 1/2566 อย่างต่อเนื่อง บริษัทมองธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีนี้จะแข่งขันสูง เพราะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายประกาศเปิดโครงการใหม่หลายโครงการ แต่บริษัทมั่นใจในทำเลที่เลือกพัฒนาโครงการ
จับมือพาร์ตเนอร์
นอกจากนี้บริษัทจะขยายโครงการร่วมกับพาร์ตเนอร์เพิ่มเติม อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีแผนดำเนินงานสร้างพื้นที่สีเขียว ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการบ้าน 1 หลัง ต้นไม้ 1 หลัง ของเครือ ธนาสิริ และมีความโปร่งใสตรวจสอบได้ ในระดับตั้งแต่ระดับผู้บริหาร พนักงาน การบริการ เพื่อสร้างชุมชนที่น่าอยู่ ซึ่งเป็นตัวเลือกหนึ่งที่จะมัดใจลูกค้าได้ในอนาคตได้ต่อไป
นายสุทธิรักษ์ กล่าวต่ออีกว่า บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถรับรู้รายได้ที่ 1 พันล้านบาท ตามเป้าที่วางไว้ เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายประมาณ 600 ล้านบาท และยังมี Backlog หรือสินค้ารอโอนค่อนข้างมาก รวมถึงมองทิศทางผลประกอบการในไตรมาส 4/2565 ยังคงจะเป็นบวกต่อเนื่อง ด้วยอสังหาริมทรัพย์เป็นปัจจัย 4 ซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้คน ถึงแม้จะมีวิกฤติเศรษฐกิจ แต่พอที่จะขับเคลื่อนไปได้ ทั้งการปรับตัว ควบคุมต้นทุน ของบริษัทส่งให้ผลประกอบการโดยรวมปีนี้คาดจะทำสถิติใหม่สูงสุด อนึ่ง 9 เดือนแรกปี 2565 บริษัทมีรายได้แล้วที่ 468.72 ล้านบาท แบะมีกำไรสุทธิ 42.84 ล้านบาท
Reference: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น