แสนสิริ ปูพรมโปรเจกต์ใหม่ปี66 รุกเต็มสูบ52โครงการ 75,000ล.
แสนสิริ ประกาศลุย ALL-Time High พุ่งเป้ารายได้-กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กางแผนปี 66 เดินหน้าบุกตลาดแนวราบ-แนวสูงเต็มกำลัง เปิดตัว 52 โครงการใหม่ มูลค่า 75,000 ล้านบาท วางเป้ายอดขาย 55,000 ล้านบาท รายได้รวม 40,000 ล้านบาท ชู 3 กลยุทธ์หลัก รุกขยายธุรกิจเต็มสูบ รับเศรษฐกิจฟื้นตัว No.1 in International Market พร้อมรับ การกลับมาของตลาดต่างชาติ ด้วยเป้ายอดขายตลาดต่างชาติ 12,000 ล้านบาท และการดูแลสังคมและ สิ่งแวดล้อมมุ่งสู่ Net-Zero
นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ปีที่ผ่านมาจะเป็นปีที่มีความท้าทายของการดำเนินธุรกิจภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน แต่แสนสิริสามารถเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนประสบความสำเร็จ ด้วยยอดขายรวม 50,000 ล้านบาท โตขึ้นเกือบ 50% จากปีก่อนหน้า สามารถทำยอดโอนถึง 36,800 ล้านบาท
ในปี 66 แสนสิริยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจและเดินหน้าเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยในปี66 แสนสิริจะเปิดตัว 52 โครงการใหม่ มูลค่า 75,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 30 โครงการ และคอนโดมิเนียม 22 โครงการ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 55,000 ล้านบาท เป้าหมายรายได้รวม 40,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์รวมถึงเป้าหมายกำไรสุทธิ ที่จะทุบสถิติ ALLTime High พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับ
นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ กล่าวว่า แสนสิริจะเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยกลยุทธ์สำคัญ ภายใต้ 3 กุญแจขับเคลื่อนองค์กร คือ รุกขยายธุรกิจเต็มสูบ สนับสนุนการฟื้นตัวธุรกิจอสังหาฯ โดยวางแผนเปิดตัว 52 โครงการใหม่ โดยเติบโตจากปีก่อน 74% และโตจากช่วงเกิดโควิดถึง 1,000% หรือ 10 เท่าตัว ครอบคลุมทุกโปรดักส์ ทั้งคอนโดมิเนียม-บ้านเดี่ยว-บ้านแฝด -ทาวน์โฮม ทุกเซกเมนต์ระดับ ราคารองรับทุกความต้องการ และครอบคลุมในทุกทำเล เจาะกลุ่ม real demand โดยเฉพาะแนวราบ วางแผนเปิดตัว 30 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 50,700 ล้านบาท โดยโครงการแนวราบที่เป็นไฮไลต์ในปีนี้ ได้แก่ การ เปิดตัว “นาราสิริ พหล-วัชรพล” มูลค่าโครงการ 5,300 ล้านบาท เป็นการ ต่อยอดความสำเร็จโครงการนาราสิริ กรุงเทพกรีฑา
“แสนสิริ จะเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ “บูก้าน” โดยจะเปิดตัว “บูก้าน” เอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์ รวม 3 โครงการ บน 3 ทำเลไพร์มใหม่ ได้แก่ ทำเลกรุงเทพกรีฑา, พัฒนาการ และ พระราม 9-เหม่งจ๋าย มูลค่า 3,600 ล้านบาท โดยโครงการแรก “บูก้าน กรุงเทพกรีฑา” จะเปิดตัวระหว่าง 25-26 ก.พ. และต่อยอดความสำเร็จแบรนด์ “เศรษฐสิริ” บ้านเดี่ยวลักชัวรี ราคา 12-25 ล้านบาท ด้วยการเปิดตัวโครงการแรก “เศรษฐสิริ ดอนเมือง” ราคาเริ่มต้น 13 ล้านบาท ในเดือนพ.ค. ส่วนแบรนด์ “สราญสิริ” จะเปิดตัว4 โครงการใหม่ มูลค่า 10,000 ล้านบาท และ กลุ่มมิกซ์โปรดักส์ บ้านและทาวน์โฮมในโครงการเดียว แบรนด์อณาสิริจะเปิดตัว 9 โครงการ”
นอกจากนี้ แสนสิริ ยังมีการเปิดตัว 9 แบรนด์ใหม่ ที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เพื่อขยายในแต่ละ Portfolio ให้แข็งแกร่งและครอบคลุมทุกความต้องการและระดับราคามากยิ่งขึ้น ตั้งแต่แบรนด์ที่อยู่ใน Sansiri Luxury Collection ที่จะขยายพอร์ตลักชัวรี เซกเมนต์ของแสนสิริให้โตขึ้นแบบก้าวกระโดด ได้แก่ No.19 และ สิริณสิริ แบรนด์ใหม่ในระดับพรีเมียม เซกเมนต์ ได้แก่ ณริณสิริ และออมเบร รวมทั้งแบรนด์คอนโดมิเนียมใหม่ ได้แก่ HUB (ฮับ) และ Cabanas (กาบานาส) ทำเลหัวหิน ที่จะเริ่มทยอย เปิดตัวในปีนี้
สำหรับ กลุ่มคอนโดมิเนียม จะเปิดตัว 22 โครงการใหม่ มูลค่า 24,300 ล้านบาท โตจากปีก่อน 151% โดยคอนโดฯ ที่เป็นไฮไลต์ในปีนี้ ได้แก่ การเปิดตัว New Luxury Condominium ในทำเล “อารีย์” และ “ราชเทวี” ซึ่งจะเป็นคอนโดฯ แบรนด์ใหม่ ที่มีความโดดเด่นบนโลเกชันเดียว อาทิ Cabanas Huahin และ อีก 2 แบรนด์คอนโดฯ ไลฟ์สไตล์ในย่านสุขุมวิท นอกจากนี้ ในไตรมาสแรก จะมีการรีเฟรชแบรนด์ “ดีคอนโด” ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ในคอนเซ็ปต์ “Stay Well-Rounded คอนโดที่คิดเพื่อชีวิตดีรอบด้าน” นำเสนอคอนโดแนวคิดใหม่ ใส่ใจความเป็นอยู่ที่ดีในชีวิตทุกด้าน โดยมุ่งเน้นในเรื่องของ Well-Being สร้างพื้นที่ Safe Zone ทั้งกายและใจ กับ “ดีคอนโด” ซีรีส์ใหม่ 5 โครงการ 5 ทำเลศักยภาพ ทั่วประเทศตลอดปีนี้ รวมมูลค่าโครงการกว่า 5,000 ล้านบาท ในทำเล หาดใหญ่ภูเก็ต’เพื่อ รับเรียลดีมานด์ และตลาดท่องเที่ยวฟื้น โดยเตรียมเปิดตัว ทั้ง 2 ดีคอนโดใหม่ มี.ค.นี้
“การกลับมาของตลาดต่างชาติ” ในรอบนี้แสนสิริ วางเป้าหมายยอดขายและยอดโอนตลาดต่างชาติ ในปีนี้ไว้กว่า 12,000 ล้านบาท โตขึ้น 54% จากปีก่อน ที่มียอดขายจากตลาดต่างชาติ 7,800 ล้านบาท ตอกย้ำเบอร์หนึ่งแบรนด์อสังหาฯ ไทยในใจตลาดต่างชาติ ที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้บุกเบิกการขายอสังหาฯ ในต่างประเทศเป็นรายแรกของไทย โดยกลยุทธ์การรุกตลาดต่างชาติในปีนี้ แสนสิริจะรุกตลาดในกลุ่ม CLMV (Cambodia, Laos, Myanmar, Vietnam) เพื่อขยายตลาดต่างชาติให้กว้างขึ้นจาก จีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และรัสเซีย ซึ่งแสนสิริมีฐานลูกค้าต่างชาติในกลุ่มนี้อยู่แล้ว จากการมองเห็นกำลังซื้อจากตลาดประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบประเทศไทย”
Reference: ผู้จัดการรายวัน 360 องศา