TEKAเล็งรุกฐานต่างแดน ดีลพันธมิตรศึกษาร่วมทุน
บิ๊ก TEKA “วีระศักดิ์ วานิชวัฒน์” ประกาศลุยขยายฐานธุรกิจ เดินหน้าประมูลงานทั้งภาครัฐ-เอกชนกว่า 15,000 ล้านบาท ในช่วงที่เหลือของ ปี 2565 รองรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง ฟื้นตัว พร้อมคุมต้นทุนขาขึ้น เล็งโอกาส ศึกษาร่วมทุน ดีลเจรจาพันธมิตรเวียดนาม ขยายฐานต่างแดน ตั้งเป้าการเติบโตปี 2565 แตะ 2,400-2,500 ล้านบาท
นายวีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฑีฆาก่อสร้าง จำกัด (มหาชน) หรือ TEKA เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเดินหน้าตามแผนการระดม ทุนโดยนำเงินที่ได้รับไปใช้เป็นเงินทุน หมุนเวียน เสริมศักยภาพในการแข่งขัน และโอกาสขยายพอร์ตรับงานโครงการขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาครัฐบาลและเอกชน สอดรับภาพรวม เศรษฐกิจและอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัว งานใหม่ๆ เริ่มทยอยเปิดประมูลเป็นจานวนมาก
ประมูลงาน 1.5 หมื่นล.
ทั้งนี้บริษัทเตรียมประมูลในปี 2565 ซึ่งยังมีต่อเนื่องกว่า 20 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท อาทิ กลุ่มที่อยู่อาศัย, โรงพยาบาล, Shopping Mall เป็นต้น โดยเฉลี่ยบริษัทจะได้รับงานเข้ามาราวๆ 15-20% ของมูลค่างานที่เข้าประมูล โดยในปี 2565 บริษัทจะเน้นงานภาคเอกชนเป็นหลัก เทียบกับในปี 2564 บริษัทมีสัดส่วนงานภาคเอกชน และภาครัฐบาลอยู่ที่สัดส่วน 90% และ 10% ตามลำดับ และบริษัทยังมีงานที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท ประกอบด้วย 7 โครงการ ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปี 2565 ประมาณ 80-85% ส่วนที่เหลือจะรับรู้ในปี 2566
บริษัทมีจุดเด่นเป็นผู้ประกอบธุรกิจให้บริการรับเหมาก่อสร้างอาคาร และสิ่งปลูกสร้าง โดยเป็นผู้รับเหมาหลักของโครงการ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่งานโครงสร้าง งานสถาปัตยกรรม และงานระบบประกอบอาคารบริษัทให้บริการ ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผนงาน การควบคุมดูแลการก่อสร้าง และการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ ซึ่งบริษัทมีประสบการณ์การรับงานก่อสร้างอาคารหลากหลายประเภท เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม อาคารโรงพยาบาล อาคารคลังสินค้า และคอนโดมิเนียม เป็นต้น โดยมีศักยภาพในการรับงานได้จากทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ส่วนใหญ่จากลูกค้าภาคเอกชนซึ่งมีอัตรากำไรที่สูงกว่า
ผลงานโตต่อเนื่อง
ขณะที่ปัญหาด้านราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นนั้น ไม่กระทบ เพราะบริษัทได้มีการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างล่วงหน้าไปหมดแล้ว ส่วนงานโครงการใหม่ สามารถปรับราคาขึ้นตามภาวะตลาดได้ โดยเฉพาะราคาเหล็กที่เพิ่มสูงมาก ก็เสนอราคาสูงตามราคาเหล็ก ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อรับงานจะสั่งซื้อเหล็กล่วงหน้าไว้ทั้งหมด ตอนนี้ราคาก็เริ่มอ่อนตัวแล้ว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 2,400-2,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 เทียบกับผลการดำเนินงานในปี 2564 รายได้รวมอยู่ที่ 1,605.04 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายการเติบโต ในระยะ 3-5 ปี ซึ่งบริษัทตั้งเป้าที่ จะขึ้นมาเป็นบริษัทผู้รับเหมาชั้นนำโดยเฉพาะในกลุ่มงานอาคารขนาดใหญ่ ระดับประเทศ จากปัจจุบันอยู่ในระดับกลาง
เล็งโอกาสธุรกิจใหม่
นอกจากนี้บริษัทมีแผนศึกษาลงทุนในธุรกิจใหม่ที่สามารถต่อยอดและสร้างการเติบโตให้บริษัทในอนาคต พร้อมวางแผนการเติบโตที่ 10-15% ต่อปี ใน ระยะ 3-5 ปีข้างหน้า และมองหาโอกาส ลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีอัตราการเติบโตที่ดี มองประเทศเวียดนามถือเป็นจุดเริ่มต้น ซึ่งกลางเดือน มิถุนายนนี้ มีนัดหารือกับนักลงทุนเวียดนาม ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รายใหญ่ เพื่อศึกษาเป็นพันธมิตรร่วมลงทุนร่วมธุรกิจกัน ถ้าลงทุนไม่มากความเสี่ยงน้อยก็พร้อมลงทุนในปีนี้
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) คาดว่าปี 2565 บริษัทมีโอกาสสูงในการรับงานใหม่เพิ่ม หนุนโดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ ประเมินกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่ 155 ล้านบาท (+10%YoY) เป็นไปตาม Backlog ที่ขยายตัว ประเมิน ราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 7.00 บาท
Reference: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น