จับตาโรงแรม-ห้าง-ออฟฟิศ แห่ตั้งกอง REIT buy-back
ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (ASPS) ระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียม สำหรับทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีข้อกำหนดในการซื้อทรัพย์สินคืน (REIT buy-back) โดยยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ รวมถึงลดค่าธรรมเนียมการโอนฯ จากเดิม 2% เหลือ 0.01% ให้แก่บริษัทสำหรับการขายทรัพย์สินเข้ากอง และทรัสตีของกอง REIT buy-back สำหรับการขายคืนทรัพย์สินให้กับเจ้าของเดิม
กอง REIT buy-back เป็นกอง REIT รูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน ม.ค. 2564 ที่ให้สิทธิเจ้าของที่ขายทรัพย์สินให้กับ REIT สามารถซื้อคืนทรัพย์สินในราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า หรือราคาตามตลาดภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมที่มีคุณสมบัติต่างจาก REIT ทั่วไป มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทางเลือกให้เจ้าของธุรกิจต่าง ๆ ที่กำลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง ไม่ว่าจะเป็น โรงแรม ศูนย์การค้า หรืออาคารสำนักงาน นำทรัพย์สินที่มีอยู่ในมือ ขายเข้ากอง REIT เพื่อสร้างสภาพคล่อง นำเงินไปชำระคืนเงินกู้หรือประกอบธุรกิจต่อไป
ขณะเดียวกันไม่ต้องขายขาดทรัพย์สิน แต่ยังมีโอกาสได้ทรัพย์สินกลับคืนมา ตามระยะเวลาและราคาซื้อขายที่ตกลงกันกับผู้ขายไว้ล่วงหน้าในสัญญา
ปัจจุบันมีกอง REIT buy-back ประเภทนี้อยู่ในตลาดเพียงกองเดียวที่เสนอขายเมื่อปีที่ผ่านมา คือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ แกรนด์ รอยัล ออคิด ฮอสพิทาลิตี้ ที่มีข้อตกลงในการซื้อคืน (GROREIT) โดยมีหลักทรัพย์หลัก คือ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของโครงการโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตันโฮเทล แอนด์ ทาวเวอร์ส
นอกจากนี้ มีอีก 1 กองที่ ก.ล.ต. อนุมัติ Filing เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา คือ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาฯ เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า ดีทีพี ฮอสพิทอลลิตี้ ที่มีข้อตกลงในการซื้อคืน (DTPHREIT) มูลค่าราว 4 พันล้านบาท โดยทรัพย์สินที่เสนอขายคือ สิทธิการเช่าช่วงอสังหาฯ และสิทธิการเช่าโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ และเซอร์วิส อพาร์ทเมนท์ MRB รวมถึงกรรมสิทธิ์ในอสังหาฯ และสังหาฯ ในโครงการยูเขาใหญ่
Reference: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น