A5 ย้ำ 5ปีโตกระโดดรายได้ 5พันล. ผุด3 โครงการในกทม.-อุดรฯ 3.2พันล้านในปีนี้
A5 วางเป้า 5 ปีโตก้าวกระโดด ดันรายได้แตะ 5,000 ล้านบาทภายในปี 69 เล็งเปิดใหม่ปีละ 2-3 โครงการ ชูจุดเด่นพัฒนาโครงการที่แตกต่าง เจาะตลาดนิชมาร์เก็ต ประเดิมปีนี้จ่อเปิด 3 โครงการ ในกรุงเทพฯ และอุดรธานี มูลค่ารวม 3,200 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (7 มี.ค. 2565) หุ้นบริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 กลับเข้ามาซื้อขาย (เทรด) ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) อีกครั้ง ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง โดยเปิดตลาดที่ราคา 9 บาท เพิ่มขึ้น 7.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 500% จากราคาปิดล่าสุด 1.50 บาท ระหว่างวันปรับลงไปต่ำสุดที่ 1.75 บาท ก่อนจะมาปิดตลาดที่ราคา 2.22 บาท เพิ่มขึ้น 0.72 บาท หรือเพิ่มขึ้น 48% จากราคาปิดล่าสุดก่อนกลับมาเทรด ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่า 2,732.12 ล้านบาท
นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 เปิดเผยว่า บริษัทต้องการเป็นหนึ่งในหุ้นอสังหาริมทรัพย์คุณภาพ มีพื้นฐานดี เติบโตมั่นคงอย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างผลตอบแทนคุ้มค่าแก่ผู้ถือหุ้น ภายใต้วิสัยทัศน์ที่ต้องการนำบริษัทก้าวเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มนิชมาร์เก็ต
โดยบริษัทมีเป้าหมายสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 5 ปีนับจากนี้ (ปี 2565–2569) โดยในปี 2565 บริษัทได้วางเป้าหมายรายได้รวมที่ 1,000 ล้านบาท และคาดว่าในปี 2569 จะมีรายได้รวมแตะ 5,000 ล้านบาท จากการเร่งเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น เป็นปีละไม่ต่ำกว่า 2–3 โครงการ ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด เช่น จังหวัดอุดรธานี ซึ่งปัจจุบันมีที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการอีกจำนวนมาก รวมถึงมองโอกาสขยายการพัฒนาโครงการในจังหวัดอื่น ๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ อุบลราชธานี และมหาสารคาม ตลอดจนการร่วมทุนกับพันธมิตรพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์
สำหรับแผนงานในปี 2565 บริษัทวางแผนเปิด 3 โครงการใหม่ ในกรุงเทพฯ และอุดรธานี มูลค่าโครงการรวม 3,200 ล้านบาท ส่วนปี 2566 คาดว่าจะเปิดตัวอีกอย่างน้อย 2–3 โครงการ และจะเป็นปีที่มีผลประกอบการโดดเด่น เนื่องจากจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดในโครงการ ต้นสน วัน เรสซิเดนซ์ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าชิดลม ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 90% จากมูลค่าโครงการกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อรองรับแผนงานพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต
นายศุภโชค กล่าวอีกว่า บริษัทมีประสบการณ์พัฒนาอสังหาริมทรัพย์กว่า 8 ปี พัฒนาที่อยู่อาศัยมาแล้ว 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทต้องการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างความแตกต่างให้กับตลาด เน้นพัฒนาโครงการที่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นในทุกทำเล โดยมาจากการให้ความสำคัญกับการศึกษาและสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในแต่ละทำเลอย่างละเอียด เพื่อนำมาข้อมูลวิเคราะห์และต่อยอดพัฒนาแบบบ้านและฟังก์ชันที่แตกต่างจากคู่แข่ง เช่น การพัฒนาบ้านหรู 3 ชั้น ที่ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยได้ทั้ง 3 เจเนอเรชั่น เป็นต้น ทำให้โครงการของ A5 เป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านจัดสรรหรือปลูกสร้างบ้านเอง
Reference: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น