รฟท.เตรียมเจรจา ซีพี ส่วนต่อขยาย ไฮสปีด
ตามสัญญา ให้เจรจาเป็นรายแรก
“ร.ฟ.ท.” ชงงบปี 66 เดินหน้าออกแบบพร้อมจัดทำรายงานพีพีพี-อีไอเอ ดันส่วนต่อขยายไฮสปีดสามสนามบินช่วงอู่ตะเภา-ระยอง กว่า 1.4 หมื่นล้าน เปิดทางเจรจา “ซีพี” พิจารณาร่วมทุนเป็นกลุ่มแรก ลั่นเป็นไป ตามเงื่อนไขสัญญากำหนด
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึง ความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ระยะที่ 2 ส่วนต่อขยาย ช่วงระยอง-จันทบุรี-ตราด โดยระบุว่า ขณะนี้ ร.ฟ.ท.เตรียมเสนอของบประมาณปี 2566 ในเดือน ต.ค.นี้ เพื่อของบราว 100 ล้านบาท ดำเนินการจัดจ้างที่ปรึกษาออกแบบ รวมทั้งจัดทำรายงานแผนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (พีพีพี) และรายงานวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ความเหมาะสมในการ พัฒนาส่วนต่อขยายไฮสปีดเทรน
โดยงบส่วนดังกล่าวเป็นงบผูกพัน 2 ปี (2566-2567) คาดว่าหากได้รับการจัดสรรงบประมาณแล้ว จะใช้เวลาราว 12 เดือนในการศึกษารายละเอียดแล้วเสร็จเพื่อเสนอให้คณะกรรมการ (บอร์ด) ร.ฟ.ท.พิจารณาอนุมัติผลการศึกษาภายในปี 2567 หลังจากนั้นจะเสนอโครงการให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติในปี 2568 และเปิดประกวดราคาจัดหาเอกชนร่วมลงทุนในปี 2569
อย่างไรก็ดี การก่อสร้างส่วนต่อขยายไฮสปีดเทรนในเส้นทางช่วงระยองจันทบุรี-ตราด เบื้องต้น ร.ฟ.ท.ศึกษาพบว่า มีระยะทางประมาณ 190 กิโลเมตร ประเมินวงเงินลงทุนอยู่ที่ 1 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายเร่งรัดให้พัฒนาโครงการรองรับการขยายตัวของการขนส่งสินค้าในพื้นที่พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยอาจนำร่องในช่วงแรก คือ อู่ตะเภา-ระยอง ระยะทาง 30 กิโลเมตร คาดว่าวงเงินลงทุนอยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท
”ความคุ้มค่าในการลงทุนส่วนต่อขยายไฮสปีดเทรน ขณะนี้ต้องประเมินความเหมาะสมก่อน แต่การขยายในเฟสแรกจากอู่ตะเภา-ระยอง มีความเป็นไปได้สูง เพราะแนวเส้นทางที่ขยายออกไปนี้จะสนับสนุนทั้งการขนส่ง สินค้าทางการเกษตร ผลไม้ใน จ.ระยอง รวมไปถึงในด้านของการท่องเที่ยวด้วย”
ทั้งนี้ หากจะมีการผลักดันลงทุนส่วนต่อขยายในช่วงอู่ตะเภา-ระยอง ร.ฟ.ท.จะต้องเปิดโอกาสให้เอกชนรายเดิมคือกลุ่มซีพี เป็นผู้พิจารณาการลงทุนก่อน เนื่องจากเงื่อนไขในสัญญา ร่วมลงทุนไฮสปีดเทรนสามสนามบิน ระบุไว้ว่าในสิทธิเจรจากับผู้ลงทุนรายเดิม ในการลงทุนส่วนต่อขยาย แต่หากเอกชนรายเดิมไม่แสดงความสนใจในการลงทุน ร.ฟ.ท.จึงจะเปิดประกวดราคา เป็นการทั่วไป
รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า หากกลุ่มซีพีไม่สนใจลงทุนส่วนต่อขยาย และต้องเปิดประกวดราคาหาผู้ร่วมทุนรายใหม่ หากจะให้จูงใจเอกชนรายใหม่ ก็จำเป็นต้องประกวดราคาให้ครบทั้งเส้นทาง ช่วงระยอง-จันทบุรี-ตราด ระยะทาง 190 กิโลเมตร และความเหมาะสมของอายุสัมปทานก็ควรจะเป็นระยะยาว 50 ปี ส่วน รูปแบบการร่วมทุนน่าจะเป็นในลักษณะ PPP Gross Cost โดยรัฐลงทุนก่อสร้างงานโยธา เอกชนสร้างงานระบบและหา ขบวนรถมาวิ่ง หลังจากนั้นรัฐจะเก็บรายได้ ทั้งหมด และจ่ายเป็นค่าจ้างบริหารให้เอกชน
ในส่วนของการศึกษาแนวเส้นทาง เดิม มีการพิจารณา 5 เส้นทาง พบว่าแนวเส้นทาง เลือกที่ 2 มีความเหมาะสมมากที่สุด ทั้งด้าน วิศวกรรม ด้านเศรษฐกิจและการเงิน และ ด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับความเห็น ของประชาชนในพื้นที่ โดย ร.ฟ.ท.จะนำ แนวเส้นทางเลือกที่ 2 ไปดำเนินการออกแบบรายละเอียดต่อไปเบื้องต้นต่อไป
สำหรับเส้นทางที่ 2 จะมีจุดเริ่มต้นโครงการจะเชื่อมต่อจากโครงการไฮสปีด เทรนเชื่อมสามสนามบิน ระยะที่ 1 ฝั่งตะวันออกของท่าอากาศยานอู่ตะเภา ผ่าน สถานีรถไฟบ้านฉาง เข้าสู่สถานีระยอง ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 3574 (ระยอง-บ้านค่าย) ห่างจากสี่แยกเกาะลอย ประมาณ 3 กิโลเมตร จากนั้นแนวเส้นทาง จะมุ่งหน้าสู่ อ.แกลง เข้าสู่สถานีแกลง ซึ่งตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 344 (ชลบุรี-แกลง) ห่างจากสามแยกแกลง ประมาณ 2 กิโลเมตร
Reference: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ