แข่งดุขายบ้านมือสองทะลักดันค้างสต๊อกทะลุ2ล้านล้าน
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคาร และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ได้รวบรวมข้อมูลที่อยู่อาศัยมือสองทั่วประเทศ จากการประกาศขายผ่านเว็บไซต์ที่มีปริมาณการประกาศขายเป็นจำนวนมากและข้อมูลที่อยู่อาศัยมือสองของสถาบันการเงินของรัฐ บริษัทบริหารสินทรัพย์ภาครัฐ และกรมบังคับคดี โดยพบว่าช่วงไตรมาสสองมีที่อยู่อาศัยขายเฉลี่ยเดือนละ 114,668 หน่วย ใกล้เคียงกับก่อนหน้านี้ และมีมูลค่าขายเฉลี่ยต่อเดือน 818,939 ล้านบาท
ทั้งนี้ ประเภทที่อยู่อาศัยมือสองที่ประกาศขายมากสุดไตรมาส 2 ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว จำนวนเฉลี่ยต่อเดือน 42,187 หน่วย มูลค่า 415,815 ล้านบาท ห้องชุด 38,523 หน่วย มูลค่า 283,782 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ 28,329 หน่วย มูลค่า 92,063 ล้านบาท อาคารพาณิชย์ 3,813 หน่วย มูลค่า 21,144 ล้านบาท และบ้านแฝด 1,816 หน่วย มูลค่า 6,135 ล้านบาท โดยภาพรวมบ้านเดี่ยว และบ้านแฝดมีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนลดลง ขณะที่ห้องชุด ทาวน์เฮาส์ และอาคารพาณิชย์ มีจำนวนหน่วยประกาศขายเฉลี่ยต่อเดือนเพิ่มขึ้น
สำหรับทำเลที่ตั้งของที่อยู่อาศัยมือสองที่ประกาศขายมากสุด 10 อันดับแรก อันดับหนึ่งคือกรุงเทพฯ 48,331 หน่วย รองลงมาเป็นนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์ ระยอง และสุราษฎร์ธานี ส่วนระดับราคาที่อยู่อาศัยมือสอง ส่วนใหญ่ขายเฉลี่ย 3.01-5 ล้านบาท รองลงมาเป็นระดับราคา 2.01-3.00 ล้านบาท และมากกว่า 10 ล้านบาท
นายวิชัย กล่าวว่าการที่มีจำนวนหน่วยบ้านมือสองจำนวนกว่า 110,000 หน่วย ซึ่งมีมูลค่ากว่า 800,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเดี่ยว ห้องชุด และทาวน์เฮาส์ และหากนับรวมกับหน่วยเหลือขายของบ้านใหม่อีกกว่า 290,000 หน่วย ซึ่งมีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านล้านบาทแล้ว จะเห็นได้ว่าขณะนี้มีสต๊อกบ้านรอขายจำนวนหน่วยรวมกันมากถึง 400,000 หน่วย และมีมูลค่ารวมมากกว่า 2 ล้านล้านบาท นับเป็นข้อมูลที่สะท้อนให้เห็นปริมาณอุปทานที่อยู่อาศัยในตลาดให้ผู้ประกอบการได้รับทราบถึงการแข่งขันที่เข้มข้นอย่างมากจากนี้ไป
”นอกจากผู้ประกอบการต้องแข่งขันกันเองแล้ว ผู้ประกอบการยังต้องแข่งขันกับผู้ขายที่เคยเป็นลูกค้าของตนอีกด้วย ซึ่งบ้านมือสองนับได้ว่าเป็นสินค้าทดแทนที่สำคัญในตลาดที่อยู่อาศัย ดังนั้นการดำเนินการโครงการใหม่ ๆ คงจะต้องทำการสำรวจทั้งสองตลาดควบคู่กัน เพื่อให้มั่นใจว่าการเปิดโครงการใหม่จะตอบโจทย์ผู้ซื้อ”
Reference: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์