ชาญอิสสระ งัดโปรเด็ด หุ้นแลกคอนโด ดันยอด
”ชาญอิสสระ” ออกแคมเปญใหม่แหวกแนว “หุ้นแลกคอนโด” เปลี่ยนการลงทุนจาก ตลาดหุ้นมาลงทุนตลาดอสังหาฯ หวังกระตุ้นยอดขายเดือนละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI เปิดเผยว่าบริษัทออกแคมเปญใหม่ภายใต้ชื่อ “หุ้นแลกคอนโด” เพื่อส่งเสริมการขายห้องชุดให้กับลูกค้าหรือกลุ่มนักลงทุนที่สนใจเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นมาแลกเป็นอสังหาริมทรัพย์แทน โดยใช้วิธีการเลือกซื้อห้องชุดด้วยการแลกเป็นหุ้นแทนการจ่ายด้วยเงินสดได้ ซึ่งคาดว่าแคมเปญนี้จะช่วยสร้างความสนใจและกระตุ้นยอดขายของบริษัทได้จำนวน 30 ยูนิต หรือราว 100 ล้านบาทต่อเดือน
ทั้งนี้แคมเปญหุ้นแลกคอนโด มีระยะเวลา 2 เดือน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-30 มิ.ย.2563 โดยแคมเปญดังกล่าวจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาตรวจสอบหุ้นที่จะนำมาแลก ใช้เวลาประมาณ 1 วัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนในตลาดหุ้นของบริษัท ส่วนวิธีการนำหุ้นมาแลกคอนโดนั้นจะมีการประเมินมูลค่าที่เหมาะสมและสภาพคล่องของหุ้น รวมถึงราคาที่ทั้งสองฝ่ายพึงพอใจใจในการแลกกัน (ไม่ได้ยึดราคาบนกระดานหุ้น) ขณะที่หากพบว่าหุ้นที่นำมาแลกมีพื้นฐาน ไม่ดีหรือมีความเสี่ยงสูงก็อาจมีการพิจารณายกเลิกการแลกได้
ขณะที่เบื้องต้นมีจำนวน 4 โครงการที่นำมาร่วมในแคมเปญนี้ ซึ่งมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 2 ล้านบาท ขึ้นไป ได้แก่ 1.โครงการคอนโดมิเนียมตากอากาศบ้านทิวทะเลบลู แซฟไฟร์, 2. โครงการคอนโดมิเนียมตากอากาศ บลู, 3. โครงการคอนโดมิเนียมพักอาศัย ดิ อิสสระ เชียงใหม่ และ 4.โครงการคอนโดมิเนียมพักอาศัย อิซซี่ คอนโด สุขสวัสดิ์ กรุงเทพฯ ซึ่งทุกโครงการล้วนเป็นโครงการที่สร้างเสร็จเรียบร้อยพร้อมโอนและสามารถเข้าอยู่ได้ทันที
อย่างไรก็ตามแคมเปญดังกล่าวถูกต้องตามกฎเกณฑ์ที่สามารถดำเนินการได้ เพราะเป็นความพึงพอใจของทั้งสองฝ่ายและจะมีการทำสัญญาที่ผูกพันในการแลกหุ้นกับคอนโดกัน โดยปัจจุบันเริ่มมีกลุ่มลูกค้าที่สนใจเข้ามาพูดคุยกับบริษัทแล้วพอสมควร และคาดว่าอาทิตย์หน้าน่าจะสรุปตัวเลขได้
”แคมเปญหุ้นแลกคอนโดนี้ นักลงทุนสามารถนำหุ้นของท่านที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทยมาแลกซื้อคอนโดมิเนียมของเราที่ร่วมในแคมเปญนี้ได้เลย ซึ่งนับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับนักลงทุนที่ต้องการจะกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนจากความผันผวนของตลาดหุ้นมาเป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่มีแนวโน้ม ในเชิงบวกทั้งด้านความต้องการและมูลค่าที่ดินที่เพิ่มขึ้น”
Reference: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ