หนี้ครัวเรือนทะยานต่อเอ็นพีแอลพุ่ง1ล้านล้าน
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภาวะสังคมไทยในไตรมาสที่ 4 และภาพรวม ปี 65 ว่า ภาวะการจ้างงานไทยฟื้นตัวดีทุกด้าน แต่ภาวะหนี้ครัวเรือนในส่วนที่เป็นหนี้เสียหรือเอ็นพีแอล ยังน่าเป็นห่วง เพราะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่เศรษฐกิจได้เริ่มฟื้นตัว โดยหนี้สินครัวเรือนล่าสุด ในไตรมาส 3 ของปี 65 อยู่ที่ 14.90 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% จากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งเป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 64 เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานที่ปรับตัวดีขึ้น แต่เมื่อเทียบกับจีดีพีพบว่าลดลงเหลือ 86.8% จากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ที่ 88.1%
ทั้งนี้หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นในทุกสินเชื่อโดยเฉพาะสินเชื่อบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นเป็น 11.8% จากไตรมาสก่อน 8.8% และสินเชื่อบุคคลภายใต้การกำกับขยายตัวเพิ่มเป็น 21.4% ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 25% ขณะที่หนี้เอ็นพีแอล มีมูลค่ารวมกว่า 1 ล้านล้านบาท
ในส่วนนี้มีกลุ่มที่เคยเป็นลูกหนี้ดีแต่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จนกลายเป็นหนี้เสียแม้สถานการณ์คลี่คลายแล้วก็ตาม โดยมีมูลหนี้สูงถึง 4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 65 และมีจำนวนบัญชีที่เป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้นเป็น 4.7 ล้านบัญชี จาก 4.3 ล้านบัญชีของไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเกือบ 60% เป็นสินเชื่อส่วนบุคคล
”หนี้ครัวเรือนของไทยตรงนี้ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ตัวเลขยังน่าเป็นห่วง เพราะยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวแล้ว”
Reference: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
