อนันดา ตุนเงินกว่าหมื่นล้านบ.
นายคมสัน อัตถพลพิทักษ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้น ท์ (ANAN) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้บริษัทให้ความสำคัญในเรื่องการถือเงินสดเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือสถานการณ์ต่างๆซึ่งเฉพาะของบริษัทเอง ณ ไตรมาส1ปีนี้ อยู่ที่ 4,095 ล้านบาท แต่หากรวมกับโครงการร่วมทุนจะเกิน 10,000 ล้านบาท
สำหรับยอดขายช่วงไตรมาส2 ปี2564 ถือว่ายังดีต่อเนื่องโดย 2 เดือนแรก(เม.ย.-พ.ค.)อยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2,816 ล้านบาท ขณะที่ ยอดโอนคาดว่าจะได้ตามเป้าที่ 2,915 ล้านบาท ซึ่งจากสถานการณ์โควิด-19 คาดว่าจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงประมาณเดือนส.ค.นี้จากรัฐบาล เดินหน้าฉีดวัคซีนต่อเนื่อง
ทำให้มั่นใจว่าปีนี้จะมียอดขาย 18,570 ล้านบาทและยอดโอน 16,008 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันมียอดขาย รอรับรู้รายได้(backlog)แล้ว 14,256 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ ประมาณ30% ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2564 และไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดโอนแล้ว 3,059 ล้านบาท รวมถึงเตรียมเปิดโครงการใหม่เพิ่มในช่วงไตรมาส 3 จำนวน 1 โครงการ มูลค่า 1,870 ล้านบาท และในไตรมาส 4 อีก 4 โครงการ มูลค่า 22.552 ล้านบาท ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมที่ร่วมทุนกับพันธมิตรในการก่อสร้าง
นอกจากนี้หากรัฐบาลอนุญาตให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้เกิน 49% จะยิ่งเป็นผลดีกับบริษัท เพราะปัจจุบันมีโครงการคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จพร้อมขายในทำเลดี มูลค่า 4,000-5,000 ยูนิต มูลค่า 25,000 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติ ถือว่าเป็นลูกค้ากลุ่มสำคัญของบริษัท ซึ่งในช่วงไตรมาส1ที่ผ่านมาต่างชาติมีการโอนกรรมสิทธิ์โครงการสัดส่วนถึง 21%ของลูกค้าที่มีการโอนด้วยเงินสดที่มีสัดส่วน32%
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลเปิดประเทศได้ตามแผน บริษัทมีแผนที่จะมีการเปิดโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และโรงแรม เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว คาดว่าในช่วงไตรมาส 4 มีความพร้อมเปิด 2 โครงการ ส่วนอีก 3 โครงการจะเป็นในปีหน้า แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
นายเสริมศักดิ์ ขวัญพ่วง ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บมจ. อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) กล่าวว่า จากที่บริษัทร่วมกับ บิทคับ ในพัฒนาช่องทางการชำระเงินโดยนำสินทรัพย์ดิจิทัล (Cryptocurrency) มาใช้ชำระเงิน สำหรับการซื้อโครงการบ้าน และคอนโดมิเนียมของบริษัท ได้นั้น ซึ่งในเบื้องต้นรับ 3 สกุล ประกอบด้วย Bitcoin : BTC, Ethereum : ETH และ Tether USD : USDT
สำหรับที่ผ่านมามีติดต่อมา 2-3 ราย แต่จากที่ปัจจุบันราคาสินทรัพย์ดิจิทัลปรับตัวลดลง อาจทำให้ลูกค้าชำระเป็นเงินบาทแทน ก็มีความเป็นได้และหากราคา สินทรัพย์ดิจิทัลปรับตัวสูงขึ้น มีโอกาสที่จะนำคริปโตเคอเรนซี มาชำระราคาคอนโดและบ้านได้เช่นกัน ซึ่งการจับมือกับทางบิทคับ ถือเป็น การเพิ่มทางเลือกกับลูกค้า ขณะที่ บิทคับมีลูกค้าเปิดบัญชีเทรด คริปโตเคอเรนซีอยู่ที่ 1 ล้านบัญชี
นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการร่วมกับทางบิทคับในการทำโครงการเพิ่มหลายโครงการ ซึ่งหากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบ ส่วนบริษัทจะมีการออกเหรียญ คริปโตเคอเรนซีหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถเผยได้
“หากมีลูกค้านำคริปโตเคอเรนซี มาชำระค่าบ้านหรือคอนโดมิเนียม บริษัทจะมีการแปลงเป็นเงินบาททันที ทำให้บริษัทจะมีพอร์ตที่เป็นเงินสกุลดิจิทัล”
Reference: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ