คลังหาสารพัดวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจ
งบประมาณปี 67 ล่าช้า 6 เดือน เร่งเบิกจ่าย-ปล่อยสินเชื่อ
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนจัดตั้งรัฐบาล ส่งผลต่อการจัดทำงบประมาณรายรับรายจ่ายประจำปี 2567 ต้องล่าช้าออกไปอย่างน้อย 6 เดือน (ต.ค.2566-เม.ย.2567) ดังนั้นในช่วงนี้จำเป็นต้องใช้งบประมาณปี 2566 ไปพลางก่อน โดยเฉพาะงบรายจ่ายประจำเป็นหลัก ส่วนงบลงทุนนั้น หากเป็นการลงทุนใหม่ ต้องรอรัฐบาลใหม่มาดำเนินการซึ่งความล่าช้าของงบประมาณปี 2567 นั้นคาดว่าจะมีผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพียงเล็กน้อยราว 0.05%
อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวกระทรวงการคลัง ได้เตรียมมาตรการประคับประคองเศรษฐกิจ และกระตุ้นการบริโภคในประเทศ เพื่อให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจราว 100,000 ล้านบาท ด้วยการให้รัฐวิสาหกิจกว่า 50 แห่ง เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนที่สามารถดำเนินการได้ 50,000 ล้านบาท รวมถึงให้สถาบันการเงินของรัฐเร่งรัดการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งยังมีวงเหลืออีก 70,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ และลดผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้
”ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ได้กำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายไว้ที่ 3.35 ล้านล้านบาท ส่วนรายได้อยู่ที่ 2.757 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณขาดดุล 593,000 ล้านบาท”
นายกฤษฎากล่าวต่อว่า ถึงแม้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 จะล่าช้าออกไป จะไม่ส่งผลกระทบต่อการจ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจนของผู้มีสิทธิ 14-15 ล้านคน แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นงบรายจ่ายประจำ และมีเงินกองทุนสวัสดิการแห่งรัฐอยู่แล้ว ฉะนั้นมีเงินจ่ายเดือนละ 300 บาทต่อคนอย่างแน่นอน โดยแต่ละเดือนต้องจ่ายเงินตามสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐราว 4,500-5,000 ล้านบาท
ด้าน นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงบประมาณอยู่ร่างกฎเกณฑ์การเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี 2567 เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการเบิกจ่าย เมื่อร่างกฎเกณฑ์แล้วเสร็จ จะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติเพื่อเป็นแนวทางการเบิกจ่าย เมื่อมีการเบิกจ่ายจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
”ในวันที่ 26 ก.ค.นี้ สศค.จะแถลงตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจปี 2566 ซึ่งอาจมีการปรับทบทวนตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจใหม่อีกครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันโดยเมื่อเดือน เม.ย.2566 ที่ผ่านมา สศค.คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะโต 3.6%”
Reference: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ