อากาศร้อนแบบนี้! เลือกแอร์แบบไหนให้เหมาะสมกับห้องของคุณ
ประเทศไทยกับอากาศร้อนๆ แบบนี้ ทำให้อดนึกถึง “เครื่องปรับอากาศ” หรือ “แอร์” ไม่ได้ หลายท่านจึงเลือกที่จะมองหาแอร์มาติดตั้งเพื่อให้ใช้ชีวิตกันง่ายขึ้น และคลายความร้อนภายในบ้านให้เย็นฉ่ำชื่นใจด้วย แต่จะเลือกแบบไหนให้เหมาะกับบ้านก็ต้องพิจารณาจากสิ่งเหล่านี้!
1.เลือก BTU (British Thermal Unit) ที่เหมาะกับสภาพห้อง
BTU คือ ขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ ซึ่ง 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง
- ถ้าเลือก BTU สูงเกินไป การทำงานของคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย ทำให้การทำความเย็นเร็วเกิน ประสิทธิภาพการทำงานจะลดลง ส่งผลให้ห้องมีความชื้นสูง สิ้นเปลืองพลังงาน
- ถ้าเลือก BTU ต่ำเกินไป คอมเพรสเซอร์จะทำงานตลอดเวลา เนื่องจากความเย็นไม่ตรงตามต้องการ ส่งผลให้แอร์เสียเร็วและสิ้นเปลืองพลังงาน
ซึ่งการเลือก BTU ควรคำนึงถึงข้อต่างๆ อย่าง ขนาดห้อง ขนาดหน้าต่างหรือทิศทางของแดด รวมถึงวัสดุบนหลังคาว่ามีฉนวนกันความร้อนหรือไม่ เพราะถ้าเลือกไม่ตรงสเป็คห้องจะส่งผลให้แอร์ทำงานหนักและเปลืองพลังงานทวีคูณขึ้นไปอีก
ตารางการคิดคำนวณค่า BTU
2.เลือกความคุ้มค่า
ควรพิจารณาเครื่องปรับอากาศที่ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เพราะจะช่วยประหยัดพลังงานไฟมากที่สุด ถึงแม้จะมีราคาสูงแต่ถ้าเหมาะสมและตอบโจทย์การใช้งาน ถือว่าคุ้มค่ากว่าการที่ต้องจ่ายค่าไฟสูงในแต่ละเดือนแน่นอน
3.เลือกประเภทการใช้งาน
เครื่องปรับอากาศมี 4 ประเภท ได้แก่ แอร์ผนัง แอร์ฝังในฝ้า แอร์แขวนใต้ฝา และแอร์ตู้ตั้งพื้น โดยส่วนใหญ่แล้วแอร์ติดผนังเป็นรุ่นที่ฮิตมากที่สุดสำหรับการใช้ในที่อยู่อาศัย เพราะมีดีไซน์ทันสมัย เล็กกะทัดรัด ประหยัดพลังงาน ดูแลรักษาง่าย จึงเหมาะสำหรับห้องขนาดเล็กอย่าง ‘ห้องนอน’ หรือ ‘คอนโด’ นั่นเอง
4.เปรียบเทียบคุณสมบัติ
เมื่อจะซื้อเครื่องปรับอากาศ ควรเลือกลักษณะการใช้งาน ยี่ห้อ รุ่น ราคา และคุณสมบัติพิเศษต่างๆ เช่น ฟอกอากาศได้ คุมความเย็นอัตโนมัติ เป็นต้น แล้วก็ควรลองเปรียบเทียบคุณสมบัติกับหลายๆ แบรนด์เพิ่มเติมก่อนตัดสินใจซื้อ
เมื่อทราบแล้วให้สำรวจสภาพห้องหรือพื้นที่ที่ต้องการติดเครื่องปรับอากาศให้ดีเสียก่อน เพราะคุณสามารถคำนวณได้อย่างคร่าวๆ และนำไปประกอบพิจารณา เพื่อให้คุณได้เลือกซื้อสิ่งที่ดีที่สุด ทั้งความทนทาน ความคุ้มค่า และตอบโจทย์การใช้งาน